“ด้วย พฤติกรรมการบริโภคของคนในสังคมยุคนี้ มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งง่ายขึ้น หลายคนจึงหันไปกินโยเกิร์ต คิดว่าเป็นทางเลือกที่ดีช่วยปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร ลดความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ แต่สำหรับคนที่แพ้นมวัวเป็นอันหมดสิทธิ์ เพื่อเป็นทางเลือกสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จึงสนับสนุนทุนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่วิจัยโยเกิร์ตข้าวก่ำ”
รศ.ดร.บุษบัน ศิริธัญญลักษณ์ รองคณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ้าของผลงาน “แปรรูปข้าวก่ำเป็นโยเกิร์ต” บอกว่า ข้าวก่ำพันธุ์ลืมผัวมีสารแกรมมา-โอไรซานอล คุณสมบัติเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ มีสารแอนโทไซยานินช่วยการหมุนเวียนของโลหิตชะลอการเสื่อมของเซลล์ร่างกาย และมีสารสีม่วงมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสามารถยับยั้งมะเร็งและลดการอักเสบได้ ดี จากคุณค่าทางโภชนาการดังกล่าว จึงนำข้าวก่ำมาผ่านกระบวนการที่เหมาะสม สามารถจะนำมาทำเป็นโยเกิร์ตได้ โดยมีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ได้เป็นอย่างดี
และเมื่อคำนวณต้นทุนการผลิตจำนวน 320 บาท สามารถนำมาทำเป็นโยเกิร์ตธรรมดาได้ 40 ถ้วย ขายได้ 560 บาท (ถ้วยละ 12-14 บาท) จะได้กำไร 240 บาท อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์จากข้าวก่ำพันธุ์ลืมผัวมี 3 รูปแบบ คือโยเกิร์ตแบบธรรมดาทั่วไป โยเกิร์ตพร้อมดื่มบรรจุขวด และไอศกรีมโยเกิร์ต ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการปรับแต่งกลิ่น เนื้อสัมผัสให้เนียนนุ่ม เพื่อให้เหมาะกับผู้บริโภคทุกวัย.
ที่มา : ไทยรัฐ 3 ต.ค.2556