ถึงวันนี้ โควิด-19 ยังอาละวาดไปทั่วโลก หลายท่านมีข้อเสนอเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรเพื่อป้องกันและรักษาไวรัสร้ายตัวนี้ แต่จากข้อคิดเห็นก็ยังมีข้อถกเถียงและยังอยู่ในขั้นตอนที่ศึกษาวิจัยในสรรพคุณของสมุนไพรหลายชนิดให้ “คอนเฟิร์ม” เสียก่อน อย่างไรก็ตามโลกทั้งใบต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่ไวรัสตัวใหม่ ๆ จะคุกคามสุขภาพของมนุษย์มากขึ้นและถี่ขึ้นไม่เว้นในแต่ละปี
ขอแนะนำให้รู้จักไวรัสว่าคืออะไร ทำไมจึงกำจัดได้ยาก ไวรัสเป็นปรสิตหรือกาฝากที่ต้องอาศัยอยู่ในร่างของสิ่งมีชีวิตอื่น ไวรัสจัดเป็นจุลินทรีย์ที่มีโครงสร้างแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ไม่จัดว่าเป็น “เซลล์” เนื่องจากไม่มีเยื่อหุ้มเซลล์ อันเป็นพื้นฐานที่ทุกเซลล์ต้องมีแต่ไวรัสไม่มี จึงไม่สามารถเติบโตหรือแพร่พันธุ์นอกเซลล์อื่นได้ ไวรัสเป็นจุลินทรีย์ที่มีลักษณะของการเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงประการเดียวคือสามารถแพร่พันธุ์ได้หรือการถ่ายทอดสารพันธุกรรมของตนเองจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง แต่ทั้งนี้ต้องอาศัยปัจจัยต่าง ๆ ที่อยู่ในเซลล์ของมนุษย์หรือสัตว์ และเนื่องจากไวรัสมีโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อน จึงทำให้ไวรัสปรับเปลี่ยนพันธุกรรมได้อย่างง่ายดาย
ไวรัสที่ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพของมนุษย์ในขณะนี้ คือ ไวรัสที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ หรือที่รู้จักกันในภาษาอังกฤษว่า “influenza virus” ไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดทั่วโลกเกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ A และ B ซึ่งในอดีตไข้หวัดใหญ่เกิดจากไวรัสสายพันธุ์ A เป็นหลัก ซึ่งประกอบไปด้วย สายพันธุ์ย่อย A/H1N1 และ A/H3N2 แต่ในปัจจุบันพบว่าผู้ป่วยได้รับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ B บ่อยขึ้น โดยมีการระบาดร่วมกันของไวรัสสายพันธุ์ B ทั้ง 2 สายพันธุ์ย่อยคือ Victoria และ Yamagata ซึ่งสัดส่วนในการระบาดของทั้ง 2 สายพันธุ์ย่อย ไม่แน่นอน ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดการระบาดจากสายพันธุ์ใดจึงกลายเป็นปัญหาที่สำคัญมาก
ที่ผ่านมาวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่นำมาใช้สร้างภูมิคุ้มกันเป็นชนิด 3 สายพันธุ์ (Trivalent Influenza vaccine) ซึ่งผลิตจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ A ทั้ง 2 สายพันธุ์ย่อย และสายพันธุ์ B 1 สายพันธุ์ย่อย โดยเลือกจากสายพันธุ์ B/Victoria หรือ B/Yamagata แต่ล่าสุด องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้แนะนำวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ครอบคลุมไวรัสทั้ง 4 สายพันธุ์ ประกอบไปด้วย A/H1N1 A/H3N2 และ B/Victoria B/Yamagata สามารถฉีดได้ในผู้ใหญ่และเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
สำหรับโคโรน่าไวรัสเป็นสมาชิกลำดับที่ 7 ในสายตระกูลของ ไวรัสสายพันธุ์ B ไวรัสโคโรน่ามีลำดับยีนที่เหมือนกับไวรัสซาร์มากกว่าร้อยละ 85 ไวรัสเหล่านี้จัดเป็น “zoonotic” หมายถึงว่าเป็นไวรัสที่ติดต่อได้ระหว่างคนและสัตว์ เช่น ไวรัสซาร์ติดต่อได้ระหว่างคนกับชะมด ไวรัสเมอร์ติดต่อได้ระหว่างคนกับอูฐ และไวรัสโควิด-19 ที่คาดว่าน่าจะติดต่อระหว่างคนและค้างคาวนั่นเอง
สำหรับในประเทศไทยมีผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในสัดส่วน 1,000- 2,000 รายต่อประชากร 100,000 รายต่อปี การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ด้วยวัคซีนจึงมีความจำเป็น เราสามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ด้วยวัคซีนที่ครอบคลุมทั้ง 4 สายพันธุ์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ลดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นร่วมด้วยได้ การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ให้ครอบคุลมทั้ง 4 สายพันธุ์ ควรฉีดเป็นประจำทุกปี เนื่องจากวิวัฒนาการของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในแต่ละปีอาจเป็นเชื้อต่างชนิดกันและบางสายพันธุ์ จึงคาดการณ์การระบาดได้ยาก วัคซีนแต่ละชนิดไม่สามารถป้องกันเชื้อข้ามสายพันธุ์ได้ ดังเช่นสถานการณ์ปัจจุบันที่วัคซีนที่มีอยู่ไม่สามารถใช้ได้กับไวรัสโควิด-19
มาถึงข้อมูลเห็ด มีงานวิจัยที่สำคัญอยู่ 2 รายการ ที่แสดงให้เห็นว่าสามารถป้องกันและลดความรุนแรงจากไวรัสในกลุ่มที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ได้ คือสารสกัดจากเห็ดจิกที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Phellinus igniarius ในปี ค.ศ. 2011 Sangmoo Lee และคณะรายงานการศึกษาการสกัดเห็ดซางฮวงธรรมชาติชนิด PI ด้วยน้ำ สามารถแสดงปฏิกิริยาในการต่อต้านไวรัสอินฟลูเอ็นซ่าทั้งชนิด A และ B (influenza A and B viruses) รวมทั้ง ไวรัสอื่น ๆ ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ (2009 pandemic H1N1) ไข้หวัดใหญ่ไอโอวา (human H3N2) ไข้หวัดนก (avian H9N2) และ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 ที่ดื้อต่อยาโอเซลทามีเวียร์ (oseltamivir-resistant H1N1 viruses) จากการศึกษาพบว่าสารสกัดจากเห็ดซางฮวงธรรมชาติชนิด PI ไปทำการรบกวนวัฏจักรของการจำลองตัวของไวรัสและกระบวนการเข้ามาจับตัวกับเซลล์เป้าหมาย ผลการศึกษาในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า เห็ดซางฮวงธรรมชาติชนิด PI มีศักยภาพในการพัฒนาให้เป็นยาในการต่อต้านไวรัสได้
การศึกษาอีกชิ้นหนึ่ง ทำการสกัดสารจากเห็ดซางฮวงชนิด PI (Phellinus igniarius) ได้สารสกัดใหม่จำนวน 7 ชนิด ชนิด1 ใน 7 ชนิดนี้มีคุณสมบัติในการยังยั้งการแพร่พันธุ์ของ ไวรัสชนิด H5N1 หรือที่เมืองไทยเรียกว่าไข้หวัดนก จากการศึกษาพบว่าสารสกัดตัวนี้ไปขัดขวางการทำงานของไวรัส โดยการไปขัดขวางการทำงานของเอ็นไซม์ที่เรียกว่า “นิวรามินิเดส” (Neuraminidase) ที่ช่วยให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์และปลดปล่อยออกจากเซลล์ นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากเห็ดซางฮวงสามารถกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้สามารถทำงานได้ขึ้น ซึ่งการฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเป็นปัจจัยที่สำคัญมากในการต่อต้านไวรัส การที่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคไข้หวัดใหญ่สูงอย่างต่อเนื่องและครอบคลุม จะช่วยทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและห่างไกลจากโรคไข้หวัดใหญ่
งานวิจัยเหล่านี้แสดงให้เห็ดว่าสารสกัดจากเห็ดซางฮวงน่าจะมีศักยภาพและเป็นตัวเลือกที่ดีอย่างหนึ่งในการรักษาและป้องกันไวรัสโควิด-19 หรือไม่? และใช้ในการรับมือไข้หวัดใหญ่ที่จะระบาดได้ทุกปีเมื่อเข้าฤดูฝน เห็ดซางฮวง หรือเห็ดจิก มีในธรรมชาติของป่าในประเทศไทยมากมาย New normal น่าจะช่วยกันศึกษาส่งเสริมเห็ดในไทยนะ