“เห็นพ่อแม่เลี้ยงครั่งมาตั้งแต่เด็ก จึงเลี้ยงบ้าง ปลูกต้นจามจุรี 20 ต้น แต่ละปีจะมีพ่อค้ามารับซื้อถึงบ้าน ส่งไปขายถึงสหรัฐอเมริกา บางส่วนจะใช้ภายในบ้านเรา ใช้ทำเชลแล็กทาไม้ แคปซูลใส่ยา เครื่องสำอางสีแดง
ปีที่ผ่านมาขนาดครั่งติดไม่ค่อยมาก ยังทำเงินได้ตั้ง 700,000 บาท คิดดูแล้วเลี้ยงครั่งได้เงินดีกว่าทำนา ไม่ต้องใส่ปุ๋ยใส่ยา ครั่งเก็บขายได้ราคายุติธรรม ไม่เหมือนข้าวจำนำดูเหมือนจะได้ราคาดี แต่เอาเข้าจริงมีแต่ปัญหา ปีนี้จึงตัดสินใจปรับที่อีก 2 ไร่ ปลูกจามจุรีไว้เลี้ยงครั่ง”
พ่อเจริญ สาระถี ชาวบ้านตำบลน้ำโจ้ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง บอกว่า การเลี้ยงครั่งไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ปลูกต้นจามจุรีไว้ไร่ละ 12 ต้น เพื่อให้รังครั่งใหญ่อ้วนสมบูรณ์ขายได้ราคา ปล่อยให้ต้นจามจุรีอายุ 3 ปี เอารังแม่ครั่งมาแขวน ช่วงที่เหมาะ ม.ค.-ก.พ. อากาศเย็นสบายไม่ร้อนหรือเย็นมากเกิน เพราะถ้าอากาศร้อนกว่า 35 องศา ครั่งจะตาย
ส่วนการคัดแม่พันธุ์จะต้องดูรังที่สวยอ้วนกลมยาว เอามาห่อด้วยฟาง อากาศจะถ่ายเทจะดีกว่าใช้ใบมะพร้าว นอกจากอากาศจะถ่ายเทได้ดีกว่า ใบยังไม่ลื่นทำให้ตัวครั่งร่วงลงพื้นดิน นำรังครั่งไปแขวนตามกิ่งจามจุรี 60 คู่/ต้น แบบต้นสลับต้น เพื่อปีต่อไปจะได้เปลี่ยนไปแขวนต้นอื่น ต้นจามจุรีจะได้ไม่โทรม ตายเร็ว
แขวนรังทิ้งไว้ 1 เดือน ตัวแม่ครั่งจะเดินไปที่กิ่งจามจุรี เกาะกินน้ำเลี้ยงสร้างรังใหม่ เราสามารถเก็บซากรังแม่ที่แขวนไว้ลงมา แต่จะขายได้ต้องแกะฟางและแกนไม้ในออกให้หมด
ส่วนครั่งที่เกาะตามกิ่งจามจุรี ในช่วง 1 ปี จะสร้างรังใหม่ ปีหนึ่งจะได้ครั่ง 300–400 กก./ต้น ขายได้ กก.ละ 120–150 บาท ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดว่ามีครั่งออกมามากหรือน้อย “ครั่งจะมี 2 อย่างคือ ครั่งดอ อายุเพียง 10 เดือน ขนาดรังจะเล็กน้ำหนักเบาแห้งเร็ว ทำให้ต้องเก็บรังลงมาก่อนในช่วง ธ.ค. ส่วนครั่งปี รังจะอวบอ้วนยาว น้ำหนักดีกว่า สามารถเก็บได้ในช่วง ม.ค.-ก.พ.”
นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกร กล่าวเสริมว่า แม้ว่าอาชีพเพาะครั่งจะทำรายได้ดี ในแถบเอเชีย ไทยถือว่ามีการเลี้ยงครั่งมากสุด รองจากอินเดีย แต่กลับไม่มีนักวิชาการ หน่วยงานภาครัฐให้คำแนะนำส่งเสริมการเลี้ยงเลย ทั้งที่เป็นอาชีพที่ทำรายได้ดี ดังนั้นสภาเกษตรกรจึงทำโครงการเกษตรกรต้นแบบจิตใจสาธารณะ เพื่อจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และถ่ายทอดความรู้ให้กับเพื่อนบ้านรายอื่นๆ พร้อมทั้งส่งเสริมให้ปลูกต้นจามจุรี ที่นอกจากช่วยให้โลกเย็นลง ชาวบ้านยังมีรายได้ที่แน่นอนเป็นกอบเป็นกำ…ไม่ต้องพึ่งโครงการใดๆจากรัฐบาล
ที่มา : ไทยรัฐ 24 ม.ค.57