วันน้ำนมโลก(World Milk Day)ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่อีเวนท์ส่วนใหญ่เป็นการโปรโมทให้ดื่มนมวัวของค่ายบริษัทนมต่างๆ จึงเกิดความคิดว่าน่าจะเสนอให้มี “วันน้ำนมแม่โลก” หรือ “วันบูชาค่าน้ำนมโลก”มั่ง น่าจะดีกว่าค่าน้ำนมวัวเยอะเลย เมื่อก่อนที่จะมีนมผงสำเร็จรูปเลี้ยงทารกก็มีแต่นมแม่นี่แหละที่ช่วยให้มวลมนุษยชาติรอดชีวิตสืบเผ่าพันธุ์มาได้ ดังนั้นในช่วงวันแม่แห่งชาติปีนี้จึงขอพูดถึงตำรับยาประสะน้ำนมที่ช่วยบำรุงน้ำนมของแม่เพื่อลูกรัก
ในสมัยโบราณท่านจะจัดสรรแม่นมเกรดเบญจกัลยาณีเอาไว้ถวายน้ำนมแด่พระมหาบุรุษราชเจ้าโดยเฉพาะ และยกย่องนมแม่ว่าเป็น “ทิพโอสถปโยธร” หรือน้ำโอสถทิพย์ของเทวดาเลยทีเดียว ดูอย่างละครดังเรื่องบุพเพสันนิวาสซิ กล่าวถึงเจ้าแม่วัดดุสิตผู้เป็นแม่นมเอกของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อัจฉริยกษัตริย์แห่งกรุงสยาม และเจ้าแม่นมเบญจกัลยาณีท่านนี้เองคือมารดาของพระยาโกษาธิบดี(พี่น้องเหล็กและปาน)ซึ่งเป็นบรรพบุรุษแห่งราชวงศ์จักรี
ในโลกยุคใหม่นี้ แม้จะมีนมผงเลี้ยงทารกนับยี่ห้อไม่ถ้วน แต่ค่าน้ำนมแม่ก็ยังมีความสำคัญต่อทั้งมารดาและทารก เดี๋ยวนี้มีการพบแล้วว่า คุณแม่ที่ไม่หวงเต้า ยอมให้ลูกดูดนมจากอก
นอกจากจะห่างไกลจากมะเร็งเต้านมแล้ว ยังช่วยให้มดลูกกระชับขยับเข้าอู่เร็ว พุงไม่ย้วยเป็นพะโล้หลังคลอดอีกต่างหาก ส่วนเจ้าตัวเล็กนั้นได้ประโยชน์เต็มๆจากนมแม่แน่นอน
แต่ศาสตร์การแพทย์แผนไทยกลับบอกว่า น้ำนมแม่นั้นมีทั้งดีและร้าย อันน้ำนมดีนั้นท่านว่ามีแค่ 2 เกรดคือน้ำนมอย่างเอกและน้ำนมอย่างโท ถ้าสตรีใดมีน้ำนมขาวดังสีสังข์เมื่อทดลองหยดลงในน้ำแล้วยังเป็นเม็ดกลมจมลงไปถึงก้นแก้วนั่นแหละคือน้ำนมเอก เช่นกันถ้าหยดน้ำนมลงไปแล้ว น้ำนมแตกกระจายแต่ก็ยังมีน้ำหนักจมลงไปถึงก้นภาชนะได้เรียกว่าน้ำนมโท เกรดน้ำนมแม่นอกนั้นจัดว่าเป็นน้ำนมโทษทั้งสิ้น ซึ่งอาจจะมีรสเปรี้ยว ขม ฝาด จืด จาง มีกลิ่นคาว แต่หมอไทยก็มียาหลายขนานสำหรับแปรน้ำนมร้ายให้กลายเป็นดี รู้จักกันในชื่อยาแปรน้ำนมและยาประสะน้ำนม มีสรรพคุณ 3 อย่างคือ ช่วยฟอกน้ำนมให้สะอาดปราศจากพิษ ช่วยอัพเกรดคุณภาพน้ำนมและเพิ่มปริมาณน้ำนมเลี้ยงทารกอย่างเพียงพอ พูดอย่างรวบยอดก็คือ ยาประสะน้ำนมช่วยเพิ่มค่าน้ำนมทั้งปริมาณและคุณภาพคับเต้า
ตามกรรมวิธีการรักษาของแพทย์แผนไทย ก่อนจะใช้ยาประสะน้ำนม ท่านต้องให้ยาขับโลหิตร้าย แล้วตามด้วยยาบำรุงโลหิต เพื่อให้สตรีหลังคลอดบุตรมีเลือดอันงามบริบูรณ์เสียก่อน เพราะนมดีย่อมมาจากเลือดดีจากนั้นจึงให้ยาต้มประสะน้ำนม ซึ่งมีทั้งยารสร้อนและยารสเย็นแต่ส่วนใหญ่มักเป็นยารสร้อนที่เข้าพิกัดยาตรีกุฏ(ตัวยารสเผ็ดร้อน 3 อย่างคือพริกไทย ดีปลี ขิงแห้ง) เจตมูลเพลิง เถาสะค้าน รากช้าพลู แห้วหมูเป็นต้น
แต่ยาประสะน้ำนมที่ขอนำเสนอในที่นี้ ไม่ใช่ยาตำรับหลวง หากเป็นยาต้มพื้นบ้านอีสาน ซึ่งมีส่วนประกอบของพืชสมุนไพรรสเย็นที่สามารถหาได้ในป่าชุมชน ยาประสะน้ำนมตำรับนี้เป็นภูมิปัญญาบรรพบุรุษของพ่อใหญ่ขาว เฉียบแหลม แพทย์พื้นบ้านแห่งตำบลดงเค็ง อำเภอหนองสองห้อง ขอนแก่น ความพิเศษของยาตำรับนี้ก็คือ นอกจากไม่มีสมุนไพรรสเผ็ดร้อนแล้ว ยังมีสรรพคุณตรีคูณ คือ เป็นทั้งยาแก้นมคัด ช่วยบำรุงน้ำนมและเพิ่มปริมาณน้ำนมไปในตัว ส่วนประกอบสมุนไพรพื้นบ้านมี 9 ชนิด ดังนี้ (1)เครือ(เถา)หมากแตก (2)รากรุ่นไร่ (3)รากเล็บเหยี่ยว (4)รากตับเต่า (5)แก่นฝางแดง (6)แก่นนมวัว (7)แก่นสีหวด (8)ไผ่จืด (9)แก่นต้นช้างน้าว
วิธีต้ม นำสมุนไพรทั้ง 9 ชนิด กะเอาอย่างละครึ่งกำมือ นำไปต้มในหม้อดิน เติมน้ำท่วมยา 3 ส่วนต้มให้เหลือ 1 ส่วน ขนาดและวิธีรับประทาน ดื่มน้ำสมุนไพรครั้งละ 1 แก้ว ประมาณ 300 มิลลิลิตร วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ดื่มติดต่อกันนาน 1สัปดาห์
อาหารแสลง ที่ห้ามรับประทาน ผักกลิ่นฉุนอาทิเช่น ชะอม หรือเนื้อสัตว์รสร้อน อาทิเช่นเนื้อหมู อาจทำให้เจ็บหน้าอก ปวดศีรษะและน้ำนมแห้งได้
ยาต้มตำรับนี้ปลอดภัย สามารถดื่มได้เรื่อยๆเกินกว่า 7 วัน จนน้ำนมมาแล้วจึงหยุดรับประทาน จากประสบการณ์การใช้ในหญิงหลัง คลอดได้ผลดีทุกราย กรณีที่กล่าวขานกันมากคือ เรื่องราวของแพทย์หญิง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่งเป็นทุกข์มากที่ไม่มีน้ำนมจากเต้าให้ลูกกินหลังคลอด กระทั่งได้มาดื่มยาต้มประสะน้ำนมของพ่อหมอขาวเพียงแก้วเดียว ผลปรากฏว่าน้ำนมไหลออกมาทันที เธอดีใจทั้งน้ำตาที่ได้เลี้ยงลูกน้อยด้วยน้ำนมจากอกของตนเอง
ชื่อสมุนไพรพื้นบ้านเหล่านี้ อาจจะฟังดูแปลกๆสำหรับคนเมือง แต่สำหรับชาวบ้านอีสานใกล้ป่าดงเค็งแม้กระทั่งเด็กนักเรียนในละแวกนั้นล้วนรู้จักพืชสมุนไพรดังกล่าวเป็นอย่างดี
ปัจจุบันยาประสะน้ำนมตำรับพ่อหมอขาว เฉียบแหลม ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยาแผนไทยพร้อมเลข 24หลักของโรงพยาบาลหนองสองห้อง สำหรับไว้ใช้บริการหญิงหลังคลอดในโรงพยาบาล รวมทั้งหญิงหลังคลอดทั่วไปในพื้นที่อำเภอหนองสองห้องและอำเภอใกล้เคียง ที่มีปัญหาน้ำนมไม่มา หรือมาน้อย
คุณแม่หลังคลอดท่านใดมีปัญหาน้ำนมไม่มา อย่ารอช้าลองติดต่อไปที่โรงพยาบาลชุมชนของอำเภอหนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น เพื่อขอคำแนะนำจากคุณหมอที่นั่น เพราะปัญหานมไม่มา ยังไม่มียาแผนปัจจุบันขนานใดช่วยได้ นอกจากต้องพึ่งพาอาศัยภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยที่กำลังจะสูญหายไปนี่แหละ