เครือข่ายอาหารเพื่อสุขภาพ ร่วมกับเครือข่ายเกษตรกร เครือข่ายตลาดนัดสีเขียว และโรงพยาบาลรามาธิบดี จัดเสวนา “ข้าวอินทรีย์จากชุมชน” ภายใต้โครงการ “กินดี อยู่ดี ด้วยข้าวอินทรีย์ชุมชน” ซึ่งได้จัดจุดจำหน่ายข้าวอินทรีย์ตลอดช่วง 3 เดือนจากนี้ ในสถานที่ราชการ โรงเรียน ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ในเครือข่ายตลาดนัดสีเขียว โดยนายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี (ไบโอไทย) กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์การใช้สารเคมีเพื่อการเกษตรในประเทศไทยถือว่าอยู่ในขั้นรุนแรง สัดส่วนการนำเข้าสารเคมีที่ใช้นาข้าวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยในปี 2555 มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จากปี 2554 การใช้สารเคมีในนาข้าวมี 2 ส่วนคือ การใช้สารเคมีในนาข้าว และใช้เพื่อเก็บสตอกข้าว
นอกจากนี้ ยังพบว่าต้นทุนในการทำนาปรังก็เพิ่มขึ้นจากที่ไม่ควรเกิน 300-500 บาท/ไร่ แต่กลับพบว่ามีการใช้ต้นทุนสูงถึง 1,500 บาท/ไร่ การใช้สารเคมีจำนวนมากส่งผลกระทบทั้งต่อเกษตรกร สิ่งแวดล้อม และผู้บริโภค โดยจากการตรวจการปนเปื้อนของสารเคมีในเลือดของเกษตรกรพบว่า มีเกษตรกรถึงร้อยละ 32 ที่มีการปนเปื้อนของสารเคมีในเลือดในระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัย
ทั้งนี้ การสนับสนุนเกษตรอินทรีย์ จะช่วยลดผลกระทบในสิ่งแวดล้อม และเป็นผลดีต่อผู้บริโภค ปัจจุบันมีสัดส่วนพื้นที่การเพาะปลูกเกษตรอินทรีย์เพียงร้อยละ 0.1 ของพื้นที่เกษตรทั้งหมด ในขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าการเปลี่ยนมาบริโภคข้าวอินทรีย์มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียงจานละไม่ถึง 1 บาทเท่านั้น
รศ.พรรณวดี พุธวัฒนะ รองคณบดีฝ่ายสร้างเสริมสุขภาพและวัฒนธรรม คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัจจุบันอัตราการเกิดโรคเรื้อรังในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหนึ่งเกิดจากร่างกายได้รับสารปนเปื้อนต่างๆ จากสิ่งแวดล้อม อาหาร พบว่าโรคมะเร็งหลายชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งอาหารเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดโรคด้วย หน้าที่ของโรงพยาบาลนอกจากการรักษาโรค ยังต้องให้ความรู้และช่วยสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพแก่ประชาชนด้วยด้วย.
ที่มา : สำนักข่าวไทย