ผลวิจัยเผย ผู้สูงอายุที่เดิน 4 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละอย่างน้อย 15 นาที สามารถลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์
นักวิจัยชาวอิตาเลียนกล่าวว่า การเดินเล่น 15 นาทีในพื้นที่เปิด สามารถทำให้ผู้สูงอายุมี โอกาสที่จะมีชีวิตยืนยาวต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง เมื่อรวมเข้ากับปัจจัยอื่นๆ แล้ว ก็ยังพบว่าผู้ที่เดินเล่นจะมีเปอร์เซ็นต์การรอดชีวิตสูงกว่าผู้ที่ไม่เดิน
ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ได้สังเกตประชาชนสูงอายุกว่า 200 คนที่อาศัยอยู่ตามชนบทมาเป็นระยะเวลา 10 ปี ที่มีอายุเฉลี่ย 80 ปี โดยสำรวจในทุกๆ แง่มุมของการใช้ชีวิต สุขภาพ และพฤติกรรม ซึ่งรวมถึงสภาวะทางจิตใจ อาหารการกิน น้ำหนัก หรือพวกเขาสูบบุหรี่ ดื่มกาแฟ และซึมเศร้าหรือไม่ โดยในกลุ่มนี้ไม่มีผู้ใดที่เป็นโรคมะเร็งหรืออาการป่วยร้ายแรงอื่นๆ และราว 80 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มสำรวจยังมีกำลังคล่องแคล่ว
ระหว่างการศึกษา กลุ่มอาสาสมัครราว 2 ใน 3 เสียชีวิต ซึ่งนักวิจัยได้เข้ามาพิจารณาความแตกต่างระหว่างผู้ที่ยังอยู่รอดและผู้ที่ จากไป ซึ่งพบว่ากลุ่มผู้อยู่รอดโดยรวมนั้น มีอัตราสูงสุดอยู่ในกลุ่มผู้ที่เดินในพื้นที่เปิดสัปดาห์ละ 4 ครั้งเป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที เมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ที่เดินน้อยกว่าสัปดาห์ละ 4 ครั้ง
เห็นได้ชัดว่าการเดินคือการออกกำลังกายแบบง่ายๆ สำหรับผู้สูงอายุ แต่มันสามารถชะลอการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรค อื่นๆ ที่มีแนวโน้มจะทำให้เกิดการเสียชีวิตในกลุ่มผู้สูงอายุ
อากาศบริสุทธิ์และการออกกำลังกาย สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในการต่อต้านเชื้อไวรัส ทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้น และลดการเกิดโรคอ้วน รวมถึงยังสามารถนำไปสู่สุขภาพทางกายที่ดีขึ้น ซึ่งหมายความว่าจะช่วยลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บจากการล้มได้อีกด้วย
นอกจากนี้มันยังส่งผลในด้านอื่นๆ ที่ช่วยให้มีสุขภาพดี เนื่องจากผู้สูงอายุที่ เดินอยู่เป็นประจำยังมีแนวโน้มที่จะกินอาหารซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าน้อยลง ถึงแม้สถิติจะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อรวมเอาปัจจัยเหล่านี้เข้ามาอยู่ในการ พิจารณา ผลที่ได้ก็ยังคงชี้ว่า ผู้ที่อยู่ในวัยปลดเกษียณควรจะเดินให้มากขึ้นเพื่อประโยชน์ในหลายๆ ด้าน
ผลการศึกษาก่อนหน้านี้ยังพบว่า ความเร็วในการเดินอาจเป็นตัวทำนายถึงช่วงอายุที่ยืนยาว นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์กได้สำรวจกลุ่มผุ้ที่มีอายุเกิน 65 ปีทั้งหมด 36,000 คน และพบว่าผู้ที่เดินช้ากว่า 2 ฟุตต่อวินาที มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูงกว่าผู้ที่เดินเร็วกว่า 3.3 ฟุตต่อวินาที ซึ่งมีชีวิตยืนยาวกว่าการคาดคะเนด้วยอายุหรือเพศ
ในขณะเดียวกัน นักวิจัยจากศูนย์การแพทย์บอสตัน ซึ่งศึกษากลุ่มผู้ที่อยู่ในช่วงอายุต้น 60 ปีมาเป็นเวลาร่วม 10 ปี พบว่าผู้ที่เดินช้ากว่า มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมมากขึ้นราว 1 เท่าครึ่ง เนื่องจากการเดินช้านั้นมีส่วนทำให้เซลล์สมองสีเทามีจำนวนลดลง ซึ่งเป็นเซลล์ประสาทที่ดำเนินการประมวลผลส่วนใหญ่ของสมอง รวมถึงยังทำให้สมรรถภาพด้านความจำ ภาษา และการตัดสินใจต่ำลงอีกด้วย.
ที่มา : x-site ไทยโพสต์
