โรคด่างขาวเป็นโรคผิวหนังที่แปลกประหลาด เพราะไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อราที่คันคะเยอเหมือนโรคกลากเกลื้อน หรือเกิดจากเชื้อไวรัสปวดแสบปวดร้อนเหมือนโรคเริม งูสวัด หรือเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคเรื้อน คุดทะราด เป็นต้น โรคด่างขาว (Vitiligo) เป็นโรคที่เกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสีผิวหนังเมลาโนไซต์(Melanocytes) หายไป ทำให้หยุดการสร้างเม็ดสีผิวเมลานิน (Melanin) จึงทำให้เกิดเป็นด่างสีขาวขึ้นที่ผิวหนัง เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย สามารถพบได้ที่บริเวณใดในร่างกายก็ได้ ในคนไทยพบได้บ่อยบริเวณปลายมือ ปลายเท้า รอบปาก แม้กระทั่งรอบดวงตา และขยายขนาดได้โดยไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะลุกลามมากน้อยเพียงใด ปัจจุบันพบได้ประมาณ 1% ของประชากรไทย
โดยทั่วไปผู้ป่วยมักจะมีสุขภาพปกติดี แต่อาจพบโรคด่างขาวกับคนที่เป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ โรคโลหิตจางจากการขาดวิตามินบี12 โรคต่อมหมวกไตทำงานบกพร่อง เบาหวาน โรคแพ้ภูมิตัวเอง เป็นต้น สาเหตุของโรคด่างขาวนั้นยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ หรือโรคแพ้ภูมิ ดังนั้นต้องทำใจว่าโรคด่างขาวอาจจะรักษาไม่หายขาด มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ถึง 50%
โรคด่างขาวไม่ใช่ทั้งโรคติดต่อและโรคอันตราย เพียงแต่ผิวบริเวณนั้นจะขาวกว่าบริเวณอื่น เกิดเป็นรอยด่างดวง อาจจะมีผลในแง่ปมด้อย ความไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะเกรงว่าสังคมรังเกียจ แต่ถึงจะไม่เป็นอันตรายอะไรก็ควรที่จะทาครีมกันแดด หลีกเลี่ยงการรับแสงแดดจัดๆ ในบริเวณที่เป็นดวงขาว เพราะอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังได้ ปัจจุบันมีการรักษาด้วยยาทาผิวที่เป็นด่างขาวไม่มากนัก เช่น กลุ่มยายาคอร์ติโคสเตียรอยด์ หากมีรอยด่างขาวบริเวณกว้างมากต้องใช้วิธีการฉายแสงอุลตร้าไวโอเลต(UV) บางชนิด หรือใช้วิธีการฟอกผิวขาวทั้งตัวไปเลย บางคนใช้วิธีการสักสีแต้มกลบบนรอยด่างเล็กๆ สำหรับผู้นิยมสมุนไพรบำบัดสามารถเลือกใช้สมุนไพรที่เหมาะสม ที่ต้องไม่มีพิษข้างเคียง ในที่นี้ขอเสนอ 2 ตำรับ ตำรับหนึ่งเป็นยาคนบอก อีกตำรับเป็นยาพระบอก
ตำรับแรกเป็นภูมิปัญญาสมุนไพรชาวบ้านที่ใช้แค่ เหง้าข่ากับน้ำมะนาว ทำเป็นยาพอกรักษาโรคด่างขาว มีวิธีทำยา พอกยาง่ายๆ ดังนี้นำเหง้าข่าสดมาตำให้ละเอียด เเล้วบีบน้ำมะนาวลงไปคลุกเคล้าข่า จากนั้นนำมาพอกบริเวณรอยด่างขาวที่ผิวหนัง พอกเอาไว้ประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง รอให้น้ำมันข่าซึมซาบลงไปในผิวหนัง เเล้วจึงล้างออก โดยการอาบน้ำธรรมดาหรืออาจจะนำน้ำต้มใบตะไคร้มาอาบ เพื่อช่วยบรรเทาความแสบร้อนได้
น้ำมันหอมระเหยข่า (Galangal Essential Oil) อุดมไปด้วยวิตามินเอและสารแอนติออกซิแดนท์มากถึง 40 ชนิด ช่วยต่อต้านริ้วรอย บำรุงผิวให้อ่อนเยาว์อยู่เสมอ ใช้ทาแก้ลมพิษ แก้ผดผื่นคัน แก้กลากเกลื้อน แมลงสัตว์กัดต่อย พิษแมลงมุม สามารถหยดผสมกับน้ำมันมะพร้าวใช้ทาบริเวณผิวที่มีอาการ อนึ่ง การใช้ข่าตำพอกแก้โรคทางผิวหนัง มีข้อควรระวังสำหรับบางคนที่แพ้น้ำมันข่า หากเกิดอาการแสบร้อนต้องหยุดใช้ทันที เช่นเดียวกับน้ำมะนาวอันอุดมไปด้วยวิตามินซี ที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ทั้งยังช่วยผลัดเซลล์ผิว ลบเลือนฝ้า กระและจุดด่างดำ ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นด้วย
ควรตำยา พอกยาตามกรรมวิธีดังกล่าววันละ 2-3 ครั้ง ประมาณ 1 อาทิตย์หรือมากกว่านั้น รอจนผิวที่เป็นด่างขาวลอกออก เเล้วอาจจะทำซ้ำอีกจนกว่าผิวที่เป็นรอยด่างลอกออกไป หลังจากนั้น ผิวใหม่ก็จะขึ้นมาเเทนที่รอยด่างที่ค่อย ๆ เลือนหายไป และหลังจากนั้นเป็นปีจะกลับมาเป็นอีก ให้ใช้ตำรับยาพอกข่ากับน้ำมะนาวรักษาซ้ำจนกว่ารอยด่างขาวจะหายขาด หรือทิ้งระยะห่างจากการเป็นซ้ำยาวนานออกไป
ตำรับยาพระบอกเป็นของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ เมืองชัยนาท บันทึกไว้ดังนี้ ท่านให้เอาเครื่องแกงเผ็ด (ที่ตำละเอียดแล้ว สดๆ) กับหัวน้ำกะทิ นำมาใส่กะทะตั้งไฟผัดเครื่องแกง(ยังไม่ต้องใส่เนื้อสัตว์) นำอวัยวะที่เป็นโรคด่าง (เช่น ปาก มือ เท้า) รมไอระเหยของเครื่องแกงเผ็ดนั้น จนน้ำแกงเดือดแล้ว จึงหยุดรม ทำอย่างนี้วันละ 1 ครั้ง ติดต่อกันเพียง 7 วัน โรคปากด่าง มือด่าง เท้าด่าง เป็นต้น จะพลันหายไปอย่างน่าอัศจรรย์แล มีสรรพคุณชะงัดนักแล ฯ
แถมท่านยังบอกสูตรเครื่องแกงเผ็ด ประกอบด้วยเครื่องปรุงไว้อย่างละเอียดดังนี้ พริกแห้ง (ย่างไฟให้สุก) 10 เม็ด, ตะไคร้ (หั่นให้ละเอียด) 1 ต้น, ข่า 5 แว่น, หัวหอม (ย่างไฟให้สุก) 5 หัว, กระเทียม (ย่างไฟให้สุก) 10 กลีบ, พริกไทยร่อน 10 เม็ด, ใบมะกรูด (หั่นให้ละเอียด) 5 ใบ, กานพลู 3 ดอก, รากผักชี (หั่นให้ละเอียด) 1 ช้อนชา, ลูกผักชี 1 ช้อนชา, ลูกยี่หร่า 1 ช้อนชา, ลูกกระวาน ครึ่งช้อนชา, ลูกจันทน์ ครึ่งช้อนชา, ดอกจันทน์ ครึ่งช้อนชา, ผิวมะกรูด (หั่นให้ละเอียด) ครึ่งช้อนชา, อบเชย ครึ่งช้อนชา, เกลือทะเล (เกลือใส่แกง) ครึ่งช้อนชา, กะปิ ครึ่งช้อนชา, ส่วนน้ำปลา, น้ำตาลปี๊บ, พริกชี้ฟ้าเขียว-แดง, น้ำส้มมะขามเปียก, กะเอาอย่างละพอสมควรฯ
น้ำมันหอมระเหยอันอบอวลจากเครื่องแกงสมุนไพรนานาชนิดมีความเข้มข้นพอที่จะช่วยบำบัดเซลล์สีผิวให้กลับเป็นปกติได้ แต่มีข้อควรระวังในการรมไอเครื่องพริกแกง คือ ควรเริ่มจากผิวด่างบริเวณมือ แขน ที่ทำได้สะดวกจนเห็นผลก่อนที่จะทำบริเวณลำตัวและเท้า ส่วนบริเวณใบหน้าต้องมีแว่นปิดตามิดชิดเพื่อไม่ให้เกิดอาการแสบระคายเคืองตา แต่รอยด่างขาวรอบดวงตาจะได้รับน้ำมันหอมระเหยจากเครื่องแกงที่ซาบซึมทางอ้อมจนบำบัดสีผิวรอบดวงตาให้เป็นปกติ
เป็นที่รู้กันว่าโรคด่างขาวรักษายาก ใช้เวลานานและเสียค่าใช้จ่ายมากหากใช้รังสีและเคมีบำบัด เรามีภูมิปัญญาสมุนไพรบำบัดโรคด่างขาวจากประสบการณ์ยาพื้นบ้านและยาดีที่พระท่านบอก ไม่สิ้นเปลื้องเงินทองในการรักษา แถมยังได้เครื่องแกงนำไปทำอาหารสุขภาพต่อได้อีกด้วย.