วันนี้ (12 กันยายน 2556 ) ที่โรงแรมพูลแมน ราชา ออคิด จ.ขอนแก่น นายแพทย์สมชัย นิจพานิช อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมอภิปรายในหัวข้อ “การแพทย์แผนไทยจะเป็นแผนหลักของในชาตินี้” ในงานประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุขประจำปี 2556 ซึ่งมีผู้ร่วมอภิปรายได้แก่นายแพทย์ทวี เลาหพันธ์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล นายแพทย์ฉัตรชัย สวัสดิไชย ผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาลพระปกเกล้า นายแพทย์อภิชาติ รอดสม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี
นายแพทย์สมชัยกล่าวว่า การแพทย์แผนไทยมีบทบาทในการดูแลสุขภาพของสังคมไทยมายาวนาน มีรากฐานพัฒนามาจากพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์มานานกว่า 2,000 ปี ดูแลคนทุกระดับชั้น หลังจากที่มีการแพทย์แผนตะวันตกเข้ามาในประเทศไทย ตั้งแต่พ.ศ. 2431 มีการยกเลิกการสอนวิชาแพทย์แผนไทย ในโรงเรียนแพทย์ในพ.ศ. 2458 ทำให้การแพทย์แผนไทยไม่ได้รับการส่งเสริมอย่างเป็นทางการและหมดบทบาทในการดูแลสุขภาพในระบบบริการสาธารณสุขของประเทศ
นายแพทย์สมชัยกล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนทุกกลุ่มวัยมีความสนใจในการดูแลสุขภาพมากขึ้น ตามที่เห็นโฆษณาผลิตภัณฑ์ในสื่อต่างๆ การที่จะผลักดันให้ประชาชนใช้ยาสมุนไพรให้มากขึ้น ต้องทำให้เกิดการยอมรับและเชื่อมั่นเรื่องประสิทธิภาพการรักษาก่อน พัฒนาระบบการผลิตยาสมุนไพรให้มีมาตรฐาน พัฒนาตำรับยาสมุนไพร และการวิเคราะห์วิจัยยาสมุนไพรให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขส่งเสริมการใช้สมุนไพร 5 รายการได้แก่ ใบบัวบก กระชายดำ ลูกประคบ กวาวเครือ และไพล
นายแพทย์สมชัยกล่าวต่อว่า การแพทย์แผนไทยในปัจจุบัน มีความก้าวหน้ากว่าในอดีตมาก แต่ยังต้องพัฒนา ศึกษา วิเคราะห์สรรพคุณด้านตัวยา และติดตามประเมินผลในการรักษาด้วยยาสมุนไพร เพื่อให้เกิดการยอมรับและศรัทธาทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ ผสมผสานกับระบบดูแลสุขอนามัย การออกกำลังกายและกายภาพบำบัดร่วมกันด้วย โดยรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข มีเป้าหมายจะเร่งส่งเสริมการวิจัย การใช้สมุนไพรให้มากขึ้น และการคุ้มครองอนุรักษ์พืชสมุนไพร เพื่อให้เกิดการยอมรับจากประชาชน และเกิดการบูรณาการการให้บริการร่วมกันของสถานบริการในสังกัด มีการปฏิบัติจริงในโรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สร้างการตระหนักถึงคุณค่าสมุนไพรไทยในกลุ่มประชาชน และบุคลากรสาธารณสุข
นายแพทย์ทวี เลาหพันธ์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า เสน่ห์ของการแพทย์แผนไทย คือการให้คำแนะนำ การนำทฤษฎีที่อยู่ในคัมภีร์แพทย์แผนไทยรุ่นเก่ามาถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น และประยุกต์ความรู้ที่ได้ นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งการรักษาในคนในยุคก่อน จะมีการตรวจร่างกาย ดูความผิดปกติของธาตุในร่างกายก่อน แล้วให้ยาสมุนไพรไปต้ม ดื่มตามอาการ ไม่ได้จ่ายยาเพื่อฆ่าเชื้อเกินความจำเป็นเหมือนในปัจจุบัน
ด้านนายแพทย์นายแพทย์ฉัตรชัย สวัสดิไชย ผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า โรงพยาบาลพระปกเกล้า ได้เปิดให้บริการรักษาด้วยการแพทย์แผนไทยมาตั้งแต่พ.ศ. 2548 ประชาชนใช้บริการมากขึ้น เรื่อยๆ มียาแผนไทยรักษาโรคได้ผลดี เช่นเริม งูสวัด อีสุกอีใส โรคตับแข็งจากแอลกอฮอล์ โรคเอสแอลอี โรคกระเพาะอาหาร เป็นต้น โดยต้องกินยาสมุนไพรตามตำรับที่แพทย์จัดให้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสมุนไพร และยาแผนไทยหลายชนิด ยังไม่สามารถพัฒนารูปแบบให้ทันสมัยได้ ต้องใช้วิธีการเดิมเช่นยาหม้อ