วอน ครม.ยกเลิกนำเข้าแร่ใยหินอันตรายเร็วขึ้น

นางสมบุญ สีคำดอกแค เครือข่ายรณรงค์ยกเลิกแร่ใยหินแห่งประเทศไทย (T-BAN) กล่าวว่า จากกรณีที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับมอบหมายให้พิจารณาหาแนวทางยกเลิกการใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ตามมติ คณะรัฐมนตรี ปี 2554 นั้น ล่าสุดกระทรวงอุตสาหกรรมจะนำเสนอแผนงานเพื่อการลดและเลิกใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบจำนวน 5 ผลิตภัณฑ์ เข้าสู่ ครม. ในวันที่ 9 ก.ค.56 ซึ่งเนื้อหาไม่สอดคล้องกับมติ ครม. โดยยืดเวลาการยกเลิกกระเบื้องมุงหลังคา ท่อซีเมนต์ใยหิน ผ้าเบรกและคลัตช์ ไปจนถึงปี 2560 เครือข่ายฯ มีความกังวลต่อการตัดสินใจของคณะรัฐมนตรี ที่จะพิจาณาข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยขาดความตระหนักต่ออันตรายจากแร่ใยหินไครโซไทล์ ที่นานาประเทศได้มีบทเรียนและผลกระทบอย่างรุนแรงมาก

“ทางเครือข่ายฯ จึงมีข้อเสนอขอให้ ครม.มีมติ ดังนี้ 1.ยกเลิกการนำเข้าวัตถุดิบแร่ใยหินไครโซไทล์ ภายในปี 2556 2.ยกเลิกการผลิตสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินไครโซไทล์ ภายในปี 2557 และ 3.ยกเลิกการนำเข้าสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินไครโซไทล์ทั้งหมดภายในปี 2558 นอกจากนี้ทางเครือข่าย และผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากแร่ใยหิน กว่า 120 คน ได้ไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล และจะติดตามการประชุม ครม. อย่างใกล้ชิด” นางสมบุญ กล่าว

ศ.ดร.นพ.สุรศักดิ์ บูรณตรีเวทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการพบผู้ป่วยโรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอด ซึ่งมีสาเหตุจากแร่ใยหินเข้ารับการรักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์ ผู้ป่วยรายนี้ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ทำการตัดเจาะวัสดุที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบแล้ว อย่างไรก็ตามการพบผู้ป่วยโรคจากแร่ใยหินในไทยยังมีจำนวนน้อย เนื่องจากขาดระบบเฝ้าระวังและวินิจฉัยโรคที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นภารกิจเร่งด่วนที่กระทรวงสาธารณสุขต้องเร่งรีบแก้ไขและดำเนินการ และทางเดียวที่จะขจัดโรคที่เกิดจากแร่ใยหินได้คือ การเลิกใช้แร่ใยหินทุกชนิด

ที่มา : บ้านเมืองออนไลน์ 11 ก.ค.2556