ยาสตรีเพื่อสตรี

ปัจจุบันประชากรไทยตามรายงานสถานะทางทะเบียนราษฎร์เมื่อสิ้นปี 2566 โดยรวมประมาณ 66 ล้านคน และเป็นที่รับรู้กันว่าถ้าแบ่งเป็นชายหญิงนั้น ประชากรชายมีจำนวนประมาณร้อยละ 49 ส่วนประชากรหญิงมีมากกว่าประมาณร้อยละ 51 นอกจากจำนวนสตรีมีมากกว่าชายแล้วอายุขัยเฉลี่ยสตรียังมากถึง 79.9 ปี แต่ชายไทยมีอายุขัยเฉลี่ยเพียง 71.9 ปี และข้อมูลจาก Health Data Center (HDC) ของกระทรวงสาธารณสุขให้ตัวเลขว่า สุขภาพอนามัยของสตรีมีอัตราเจ็บป่วยสูงกว่าชาย จึงต้องเผชิญโรคภัยไข้เจ็บมากกว่า เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก อาการป่วยเกี่ยวกับทารกในครรภ์ เป็นต้น

นอกจากนี้อาการไม่สบายที่สตรีมีมากกว่าชายแน่ ๆ คือ สตรีวัยเจริญพันธุ์ไปจนถึงราวอายุ 45 ปี บางท่านก็ 50 ปี จะต้องรับมือกับอาการปวดประจำเดือนกันทุกคน ที่จริงการมีประจำเดือนเป็นภาวะธรรมชาติของสตรีทุกคน เรียกว่าทุกรอบเดือน ซึ่งส่วนใหญ่จะมาตามนัด 28 วัน บางคนอาจมา 30 วันหรือ 45 วันก็มี แต่ถ้ามาบ้างไม่มาบ้างผิดนัดล่ะก็ เข้าข่ายภาวะไม่ปกติ การมีประจำเดือนที่เป็นปกตินี้ประมาณว่าร้อยละ 70 ของสตรีทุกคนจะต้องผ่านอาการปวดประจำเดือน เป็นประสบการณ์ร่วม บางคนปวดมากจนทนแทบไม่ไหวต้องหยุดกิจกรรมต่าง ๆ บางคนก็ปวดไม่มาก

ในสตรีที่ปวดรุนแรงน่าจะอยู่ในกลุ่มร้อยละ 20 – 30 ใครที่หนักหนาสาหัสเช่นนี้ควรปรึกษาสูติ-นารีแพทย์ ช่วยดูแลรักษาแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น สำหรับสตรีร้อยละ 70 -80 ที่ปวดไม่รุนแรง ถ้าลองคำนวณจากจำนวนประชากรสตรีช่วงอายุ 11 – 45 ปี จะมีผู้หญิงไทยอยู่ประมาณ 15 – 16 ล้านคน ถ้าคิดว่าร้อยละ 70 มักมีอาการปวดประจำเดือนไม่รุนแรงก็มีกลุ่มเป้าหมายราว 12 ล้านคนเลยทีเดียว ตำรับยาไทยหรือยาสมุนไพรไทยมีคำตอบ และน่าจะเป็นจุดแตกต่างจากหลักทฤษฎีของการแพทย์แบบตะวันตกด้วย เพราะสมุนไพรในตำรับยาสตรีที่เกี่ยวกับแก้โจทย์ประจำเดือนจะเป็นยาช่วยเรื่องเลือดลม หรือแก้โลหิตสำหรับสตรี

ในภูมิปัญญาดั้งเดิมมีตำรับยามากมายหลายขนานที่เกี่ยวกับระบบประจำเดือนของสตรี แต่ที่จะขอกล่าวถึงเป็นตำรับยาที่สาว ๆ ชาวมูลนิธิสุขภาพไทยใช้มาตั้งแต่วัยยังสาวปวดท้องประจำเดือนจนกระทั่งล่วงเลยตามวัยทองหมดประจำเดือน ซี่งเป็นตำรับยาดีมาเกือบ 30 ปีมาแล้ว ปัจจุบันตำรับยานี้ได้รับการขึ้นทะเบียนในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ซึ่งสามารถเบิกจ่ายได้ในระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศทุกระบบ มีชื่อเรียกตำรับยาว่า ยาเลือดงาม

เคล็ดลับของตำรับยานี้จากประสบการณ์ผู้ใช้ แนะนำว่าถ้าสามารถคาดการณ์รอบเดือนได้ว่าจะมาช่วงวันไหน ให้กินยาไทยเลือดงามนี้ก่อนสัก 2-3 วัน จะช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้ดีมาก และเมื่อโลหิตระดูมาก็จะมาดีไม่ติดขัด ทั้งยังช่วยให้เนื้อตัวเบาสบายไม่ปวดเมื่อย คงมีสตรีสงสัยว่าถ้ารอบเดือนมาไม่แน่นอนคาดเดายาก หรือกินยาเลือดงามไม่ทันแต่ประจำเดือนมาแล้วยังกินยาได้หรือไม่ ตอบฟันธงว่ากินในช่วงเวลาที่ประจำเดือนมาแล้วก็ได้ผลเช่นกัน

ตำรับยานี้ประกอบด้วยตัวยาจำนวนมาก ได้แก่ เหง้าขิงแห้ง ตะไคร้บ้าน (ลำต้น) สะระแหน่ (ทั้งต้น) เหง้ากระชาย เหง้ากระทือ ผิวมะกรูด ใบมะนาว รากและใบกะเพรา เหง้ากระเทียม เปลือกเพกา โกฐจุฬาลัมพา ช้าพลู(ทั้งต้น) ลูกเร่วหอม ลูกจันทน์ ดอกกานพลู ดอกดีปลี เหง้าไพล พริกไทยล่อน รากเจตมูลเพลิงแดง รากชะเอมเทศ หนักสิ่งละ 5 กรัม และพิมเสน การบูร หนักสิ่งละ 1 กรัม วิธีกินทำได้ 2 วิธี คือ แบบฉบับดั้งเดิมเอาผงยา 1-2 กรัม ละลายน้ำสุกกินวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร และในปัจจุบันมีการพัฒนาบรรจุในแคปซูล ซึ่งมักมีบริการในสถานพยาบาลหรือมีวางจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อให้ใช้ได้สะดวกขึ้น ก็ยังคงกินวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ตำรับยานี้มีข้อห้ามใช้ในหญิงตกเลือด สตรีหลังคลอด หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่กำลังมีไข้ก็ไม่ควรใช้เช่นกัน

นอกจากตำรับยาไทยที่มีมากมายแล้วนั้น มีการศึกษาวิจัยอาการปวดประจำเดือนโดยใช้สมุนไพรเดี่ยว ๆ ให้ง่ายต่อการบรรเทาอาการในยามฉุกเฉิน ซึ่งสมุนไพรนี้มีฤทธิ์ลดอาการปวดประจำเดือนอีก เช่น เทียนตาตั๊กแตน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Anethum graveolens Linn. ในเทียนตาตั๊กแตนมีน้ำมันระเหยง่าย(Dill Seed Oil) ร้อยละ 1.2 – 7.7 ซึ่งมีสารสำคัญหลักคือคาร์โวน(carvone) จึงทำให้เทียนตาตั๊กแตนมีกลิ่นหอมเฉพาะ มีรสขม เผ็ดเล็กน้อย พบว่ามีการศึกษาช่วยแก้อาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อที่ท้องน้อยอันเกิดจากการปวดประจำเดือนของสาว ๆ ได้อย่างมีประสิทธิผลไม่แพ้ยาแผนปัจจุบัน เทียนข้าวเปลือก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Foeniculum vulgare Mill. var. dulce Alef. มีการศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่ปวดประจำเดือนปานกลางถึงรุนแรง เมื่อกินน้ำมันหอมระเหยจากเทียนข้าวเปลือกปริมาณ 25 หยดทุก 4 ชั่วโมง ช่วยลดอาการปวดได้แต่ยังไม่เท่ายา mefenamic acid ที่ใช้แก้ปวดประจำเดือน แต่ถ้าเป็นประเภทสารสกัดจากเทียนข้าวเปลือกนั้นจะมีประสิทธิผลลดอาการปวดได้ดีพอ ๆ กับยาฝรั่ง ซึ่งในอนาคตน่าจะมีการศึกษาเพิ่มเติมและน่าจะได้รับการบรรจุในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติต่อไป

ที่จริงยังมีความรู้จากชุมชน 4 ภาคของไทยอีกมากมายที่เกี่ยวกับการแก้ปวดประจำเดือน การบำรุงโลหิตให้สตรีมีเลือดลมไหลเวียนดี ช่วยให้ผิวพรรณหน้าตาสดใส สุขภาพสตรีแข็งแรง ในนโยบายสาธารณสุขที่กำลังส่งเสริมยาสมุนไพรในบัญชียาหลักทดแทนยาแผนฝรั่งใน 10 กลุ่มโรคนั้น ยังไม่มีกลุ่มโรคสตรี หากรัฐช่วยส่งเสริมและหนุนการศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบ เราจะมีตำรับยาสตรีเพื่อสตรีที่เป็นจุดเด่นแตกต่างจากยาแผนตะวันตกอย่างแน่นอน.

https://www.thefest.com/Images/acetoto888/ https://www.thefest.com/Images/acegaming888/ https://www.thefest.com/Images/plazaslot/
slot thailand