ยอ เป็นไม้ที่ขึ้นทั่วไปตามป่า คนโบราณนิยมปลูกคู่บ้านถือเอาชื่อเป็นเคล็ด ขึ้นได้ดีในดินแทบทุกชนิด แต่จะเจริญเติบโตดีถ้ามีความชุ่มชื้นพอสมควร
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Morinda citrifolia Linn.
ชื่ออื่น : มะตาเสือ , ยอบ้าน
ลักษณะ
ไม้ยืนต้น สูง 2-6 เมตร ใบใหญ่หนาแข็ง ขนาดใบหูกวาง สีเขียวสดเป็นมัน มีดอกเล็กสีขาวติดเป็นกระจุกคล้ายดอกมะละกอ ผลกลมยาวรี ขนาดและลักษณะคล้ายฟองไข่เป็ด แต่มีตาเป็นปุ่มๆรอบผล สีเขียวสด พอสุกเปลี่ยนเป็นสีขาวนวล อ่อนนุ่ม มีกลิ่นฉุนมาก
สรรพคุณเด่น
บำรุงเลือดลม ลดความดันโลหิตสูง ขับลม ช่วยย่อยอาหาร แก้อาเจียน
วิธีใช้ในครัวเรือน
นำลูกยอสุกงอมจิ้มเกลือกับน้ำตาลกินหรือเอาลูกยอมาทำส้มตำกิน หรือฝานผลยอแก่เป็นแว่นตากแดดให้แห้ง บดเป็นผงละลายน้ำร้อนดื่มครั้งละ 2 ช้อนชา
การปลูก การดูแล
ยอเป็นพืชที่ขึ้นง่าย ไม่ต้องเตรียมดินเป็นพิเศษ ปลูกโดยใช้ต้นกล้าหรือหยอดเมล็ดตรงที่ปลูกเลยก็ได้ ควรปลูกตอนต้นฝน ขณะที่ดินพอมีความชุ่มชื้น ปล่อยให้เมล็ดงอกเอง โดยไม่ต้องดูแล หากฝนทิ้งช่วง ก็รดน้ำเป็นครั้งคราว เพื่อให้เมล็ดงอกเร็วขึ้น
การเพาะเมล็ดก่อนย้ายปลูก จะทำได้ในดินทั่วไปหรือเพาะในแกลบก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน เมล็ดจึงจะงอกออกราก เมื่อกล้าสูงประมาณ 30 ซม. หรืออายุได้ 2-3 เดือน ก็ย้ายไปปลูกในที่ที่ต้องการ จะปลูกแซมกับไม้ผลก็ได้ เช่น ปลูกระหว่างแถวส้ม เป็นต้น
เก็บเกี่ยว
ยอเริ่มติดลูกตั้งแต่ต้นยังเล็กๆ แค่อายุ 6 เดือน ก็เริ่มออกดอกแล้ว ให้เก็บผลห่ามหรือเริ่มแก่ สังเกตจากผลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ตาลูกยอจะห่างๆกัน ถ้าปล่อยให้ผลสุกจะเละเกินไป
แปรรูป
นำลูกยอมาล้างน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง สะเด็ดน้ำให้แห้ง แล้วใช้มีดคมๆ นำมาหั่นบางๆ ตามขวาง เสร็จแล้วนำมาใส่กระจาดหรือภาชนะโปร่งๆ ตากแดดจัดสัก 3 วัน ควรหมั่นพลิกไปมาบ่อยๆ และระวังลูกยอจะขึ้นรา เมื่อแห้งสนิทดีแล้วจึงนำมาบรรจุใส่ภาชนะ
ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
แคปซูล, น้ำลูกยอเข้มข้น
ที่มา : หนังสือปลูกยารักษาป่า เล่ม 1
ลิขสิทธิ์จัดพิมพ์และเผยแพร่โดย มูลนิธิสุขภาพไทย