นายพราวุฒิ ไวรวัจนกุล ผู้แทนภาคประชาชนสุรินทร์ เปิดเผยว่า ภาคประชาชนจังหวัดสุรินทร์กำหนดจัดพิธีสืบชะตาป่าดงสายทอและเวทีสาธารณะ “บทเรียนการจัดการป่าแบบมีส่วนร่วม” เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก วันที่ 4-5 มิถุนายน 2555 ที่ป่าหัวนาและป่าดงสายทอ ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ เพื่อนำกุศโลบายทางศาสนามาประยุกต์ใช้ในการดูแลรักษาป่า เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดทิศทางการจัดการป่าอย่างยั่งยืน เพื่อจัดทำข้อเสนอการจัดการป่าดงสายทอมอบให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาปฏิบัติให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน งานพิธีสืบชะตาป่าดงสายทอ และเวทีสาธารณะ “บทเรียนการจัดการป่าแบบมีส่วนร่วม” มีกิจกรรมที่สำคัญ เช่น พิธีกรรมบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพาอารักษ์ผืนป่า พิธีสืบชะตาป่า สู่ขวัญ ค้ำโพธิ์ ทอดผ้าบังสุกุล เจริญพุทธมนต์ ถวายภัตตาหาร ถวายสังฆทาน เดินป่าศึกษาธรรมชาติ การแสดงปาฐกถา การปลูกต้นไม้ เวทีสาธารณะ“บทเรียนการจัดการป่าแบบมีส่วนร่วม” และการประกาศเจตนารมณ์ “ทิศทางการจัดการป่าดงสายทออย่างยั่งยืน” เป็นต้น
สำหรับป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงสายทอ มีเนื้อที่กว่า 12,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 2 ตำบล คือ ตำบลบะและตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ นับเป็นฐานทรัพยากรอาหารที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ในเขตลุ่มแม่น้ำมูลตอนกลาง ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตให้กับชุมชนได้เก็บอาหาร พืชผัก สมุนไพร ไม้ใช้สอย ในปี 2517 กรมป่าไม้ได้ดำเนินการปลูกสร้างสวนป่า และประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ในปี 2540 ได้เกิดกระแสตื่นตัวเรื่องการจัดการป่าชุมชน โดยความร่วมมือจากชุมชนโดยรอบผืนป่า โดยการนำของภูมิปัญญาชาวบ้าน นักพัฒนา ครูอาจารย์ ตลอดจนพระสงฆ์ ช่วยให้ผืนป่าได้รับการปกป้องรักษาและฟื้นฟูจนกลับมาคงความสมบูรณ์ทางธรรมชาติอีกครั้ง และในปี 2552-2553
พระอาจารย์รำไพ รวิวฺณโณ ร่วมกับเครือข่ายป่าชุมชน กลุ่มอนุรักษ์พืชผักท้องถิ่นและสมุนไพรพื้นบ้านได้ร่วมกันประกาศให้ผืนป่าดงสายทอ ในพื้นที่ดูแลรักษาของบ้านหินเหล็กไฟ ตำบลกระโพ เชื่อมต่อไปยังบ้านสำโรง ตำบลบะ เป็นป่าเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีกิจกรรมการทำบุญปลูกต้นไม้ บวชป่า ถวายเป็นราชสักการะมาอย่างต่อเนื่อง เจตนารมณ์สำคัญในการจัดการป่า มุ่งหวังให้ดงสายทอเป็นโรงเรียน โรงเรือน โรงอาหาร และโรงพยาบาล คือเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านต่างๆ ให้แก่ประชาชน ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากไม้อย่างรู้คุณค่า ผลิตพืชผักอาหารให้ชาวบ้าน และเป็นแหล่งพืชสมุนไพรที่สำคัญ
ที่มา : สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ http://thainews.prd.go.th/view.php?