ไวรัสอีโบลาซึ่งระบาดหนักในแอฟริกาตะวันตก ทำให้มีผู้คนล้มป่วยมากกว่า 26,000 คนตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2013 ผู้รอดชีวิตบางคนแจ้งว่ามีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา แต่ก็ยังสรุปไม่ได้ว่ากรณีเช่นนี้เกิดบ่อยแค่ไหน ผู้เชี่ยวชาญยังเชื่อว่า ไวรัสอาจแฝงตัวอยู่ในน้ำอสุจิของผู้ป่วยเพศชายได้เป็นเวลาหลายเดือน
รายงานชิ้นนี้เกี่ยวข้องกับอาการป่วยของ ดร.เอียน โครเซียร์ แพทย์ชาวอเมริกันวัย 43 ปี ซึ่งถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้ออีโบลาเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ระหว่างทำงานกับองค์การอนามัยโลก (WHO) ในเซียร์ราลีโอน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่พบการระบาดของโรคมากที่สุด
โครเซียร์ ถูกส่งตัวไปรักษาที่แผนกพิเศษอีโบลาของโรงพยาบาลแห่งมหาวิทยาลัยเอมอรี เมืองแอตแลนตา และออกจากโรงพยาบาลเมื่อเดือนตุลาคม หลังจากตรวจไม่พบเชื้อในเลือดแล้ว 2 เดือนถัดมา โครเซียร์ มีอาการตาอักเสบ ความดันภายในลูกตาพุ่งสูงผิดปกติ และเกิดปัญหาในการมอง จนต้องกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
จักษุแพทย์ ดร.สตีเวน เยห์ ได้ดูดของเหลวในดวงตาไปตรวจสอบและพบว่ามีเชื้ออีโบลาแฝงอยู่ ทว่าในน้ำตาและเนื้อเยื่อรอบนอกดวงตากลับไม่พบเชื้อ ซึ่งทำให้ เยห์ สรุปได้ว่า ผู้ป่วยอีโบลาที่รอดชีวิตไม่มีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อสู่คนรอบข้าง แต่อาจมีปัญหาเกี่ยวกับดวงตาจนต้องมาพบแพทย์อีกเป็นระยะๆ
ดร.เจย์ วาร์กี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อในโรงพยาบาลแห่งมหาวิทยาลัยเอมอรี เตือนให้แพทย์และพยาบาลที่ดูแล โครเซียร์ สวมชุดป้องกันทุกครั้ง และต้องหมั่นสำรวจตนเองเป็นเวลาหลายสัปดาห์ว่ามีอาการคล้ายผู้ติดเชื้ออีโบลาหรือไม่
คณะแพทย์ได้หยิบยกกรณีของ โครเซียร์ ไปหารือระหว่างการประชุมสมาคมวิจัยด้านการมองเห็นและจักษุวิทยาที่เมืองเดนเวอร์ เมื่อวานนี้ (7 พ.ค.) ขณะที่วารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ได้เผยแพร่รายงานทางเว็บไซต์
WHO รายงานวานนี้(7พ.ค.)ว่า จำนวนผู้ติดเชื้ออีโบลาในกินีและเซียร์ราลีโอนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วลดลงต่ำสุดในปีนี้ ส่วนไลบีเรียซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดกว่า 4,700 คนมีแผนที่จะประกาศการสิ้นสุดของโรคระบาดชนิดนี้ในวันเสาร์ (9 พ.ค.) หากไม่พบผู้ป่วยรายใหม่
ที่มา :ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 พ.ค.2558