อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย มีพื้นที่ประมาณ 256,250 ไร่ หรือ 410 ตารางกิโลเมตร กินพื้นที่สองจังหวัด คือ อ.ลอง วังชิ้น จ.แพร่ และ อ.เถิน สบปราบ แม่ทะ จ.ลำปาง คณะรัฐมนตรีมีมติประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2522 สภาพทั่วไปเป็นป่าเขาสลับซับซ้อน มีน้ำตกหลายที่มีชื่อเสียง คือน้ำตกแม่เกิ๋ง ต.แม่ป้าก มีน้ำพุร้อนที่บ้านแม่จอก อ.ลอง จ.แพร่ ป่าอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย มีความลาดชันสูงประมาณ 80 องศา จุดสูงสุดจากระดับน้ำทะเล 1,267 เมตร อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 800 เมตร สภาพป่าเป็นป่าดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณที่ยังมีความชื้นสูง ไม้กฤษณาจึงมีอยู่ในอุทยานฯแห่งนี้ให้เห็นโดยทั่วไป
แต่ไม้กฤษณา ไม้หอมต้นไม้สำคัญจากป่าเวียงโกศัย กลับถูกลักลอบตัดเปลี่ยนเป็นสินค้า ด้วยความปล่อยปละละเลย อาจทำให้ไม้ต้นนี้สูญพันธุ์จากฝีมือกลุ่มบุคคลภายนอก ชาวบ้านไม่ได้ตัดไม้กฤษณาในบริเวณดังกล่าว มีเพียงนำลูกไม้มายาพื้นบ้านเล็กน้อย ทำให้ไม้กฤษณาไม่ถูกทำลายโดยคนพื้นเมือง
นายแหว หล้าวัน อายุ 65 ปี ชาวบ้านแม่พุงหลวง ต.แม่พุง กล่าวว่า มีคนที่แต่งเครื่องแบบคล้ายป่าไม้และชาวต่างชาติ เข้าป่าตัดต้นไม้ต้นกฤษณาขนาดใหญ่จำนวนมาก ชาวบ้านที่หาของป่าเห็นมาตลอด แต่ไม่มีหน่วยงานราชการเข้ามาควบคุม
นายติ๊บ หล้าบือ ชาวบ้าน แม่พุงหลวง กล่าวว่า พบเห็นการตัดไม้กฤษณาขายมานานกว่า 2 ปีแล้ว คนร้ายเริ่มเข้ามาตัดในพื้นที่ทางเหนือที่ทำการอุทยานฯใกล้ทางหลวงหมายเลข 11 ในช่วงปีนี้มีการตัดไปถึงทางใต้ของอุทยานฯ สรุปมีการตัดไม้กฤษณาทั่วทั้งอุทยานฯแล้ว ทำให้ต้นกฤษณาในป่าแถบหมู่ 15 ต้นใหญ่หมดไปแล้ว
นายรณเกียรติ คำน้อย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 15 กล่าวว่า ชาวบ้านในหมู่บ้านเป็นชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง มีวัฒนธรรมในการอนุรักษ์ป่าและใช้ประโยชน์จากป่าอยู่แล้ว ปัจจุบันกลุ่มหมอพื้นบ้านรวมกลุ่มกันใช้ยาสมุนไพรเป็นยาสามัญประจำบ้านทางเลือกของคนในชุมชน และมีกิจกรรมอนุรักษ์สมุนไพร ต้นกฤษณาเป็นต้นไม้สำคัญของหมอพื้นบ้านที่เก็บลูกไม้มาเพาะชำ เมื่อแข็งแรงก็จะนำไปจำหน่าย ส่วนหนึ่งนำกลับไปปลูกในป่าเพื่อไม่ให้สูญพันธุ์ แต่กลับมีกลุ่มบุคคลลักลอบตัดไม้กฤษณาแม่พันธุ์ของชาวบ้านไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อไปบอกเจ้าหน้าที่อุทยานฯก็ไม่ได้รับความร่วมมือ จึงได้นำปัญหาเสนอนายอำเภอวังชิ้น จึงมีการจับกุมชาวเวียดนามและคนในพื้นที่ ที่บ้านห้วยมะเกว๋น อ.เถิน จ.ลำปาง ที่ลักลอบตัดไม้กฤษณาได้
นายนิมิต แจ้งเกษมสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นทางอุทยานฯได้ติดตามต่อเนื่องล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมคนร้ายได้ อย่างไรก็ตาม พื้นที่อุทยานฯกว้างมาก การดูแลอาจไม่ทั่วถึงเนื่องจากเจ้าหน้าที่มีน้อยมาก ส่วนตัวก็มีภารกิจมากในตัวเมือง ไม่มีเวลาประจำอยู่ในอุทยานฯได้ตลอดเวลา การทำงานจึงมีเพียงลูกจ้างและหัวหน้าสายตรวจที่ประจำอยู่ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกจ้างหรือ เจ้าหน้าที่บางคนกลายเป็นผู้นำทางกลุ่มทำไม้กฤษณาเข้าไปยังจุดที่ไม้กฤษณาซ่อนตัวอยู่ในหลืบเขาที่สูงชัน
วันนี้ชาวบ้านเสียดายสิ่งที่อนุรักษ์ร่วมกันที่มีเป้าหมายหลักคือการรักษาป่า เพื่อรักษาน้ำ แต่ไม้กฤษณาต้นใหญ่อาจหมดไปจากป่าอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย โดยไม่สามารถพึ่งพาเจ้าหน้าที่อุทยานฯในการพิทักษ์ได้เลย ชาวบ้านจะนัดวันเดินป่า สำรวจประเมินความเสี่ยงที่ต้นกฤษณาอาจกลายเป็นต้นไม้ที่สูญพันธุ์ ต่อไป ไม้กฤษณาอาจกลายเป็นเพียงชื่อต้นไม้ของป่าเวียงโกศัยแห่งนี้ก็เป็นได้
ที่มา : มติชน 12 มี.ค.2557