วันนี้ (4 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่อิมแพ็คเมืองทองธานี นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติและการประชุมวิชาการการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกแห่งชาติ ครั้งที่ 10 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-8 ก.ย. 2556 ว่า ในปีนี้ได้กำหนดหัวข้อหลักของการจัดงาน คือ สมุนไพรไทย สุขภาพไทย เศรษฐกิจไทย โดยหยิบยกสมุนไพร 5 ชนิด ซึ่งถือว่าเป็นโปรดักส์แชมเปียน หรือ 5 สุดยอดผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่สร้างรายได้เข้าประเทศและทำรายได้ให้กับประชาชนอย่างมาก ได้แก่ กวาวเครือขาว มีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้กระชุ่มกระชวย บำรุงโลหิต ใบบัวบก มีสรรพคุณบำรุงสมอง ช่วยความจำ ระบายร้อนขับไฟ ลดบวมขับพิษ กระชายดำ มีสรรพคุณเพิ่มฮอร์โมนบำรุงกำลัง มีฤทธิ์ต้านอักเสบ ต้านเชื้อจุลินทรีย์ ขยายหลอดเลือดแดง ไพล มีสรรพคุณแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้อาการเคล็ดขัดยอก ปวดเมื่อ และลูกประคบ มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ลดอาการเกร็งกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออักเสบ เป็นต้น
นายสรวงศ์กล่าวอีกว่า สำหรับภายในงานประกอบด้วย 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1. การประชุมวิชาการประจำปี 2. การถ่ายทอดความรู้ผ่านกิจกรรมการส่งเสริมสุขภาพ ด้านการแพทย์แผนไทยหรือการอบรมระยะสั้น 3. การรวมพลังสร้างสุขภาพ ลานวัฒนธรรมสวนสมุนไพร และ 4. ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ และการเผยแพร่ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เป็นต้น โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น เปิดตำรับลับสุดยอด ภูมิปัญญาไทยสมุนไพรดูดพิษ พิชิตเข่าเสื่อม นิทรรศการจากภาคีเครือข่ายกว่า 30 องค์กร การอบรมหลักสูตรระยะสั้นเน้นใช้ดูแลตัวเองในครัวเรือน นอกจากนี้ยังมีการแจกกล้าสมุนไพรวันละ 1,000 ต้น จากมูลนิธิเจ้าพระยาอภัยภูเบศรและมูลนิธิสีเขียว เป็นต้น
นพ.สมชัย นิจพานิช อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า การพัฒนาสมุนไพรไทยซึ่งมีอยู่ทั้งหมดกว่า 2,000 ชนิด จึงจำเป็นต้องชูสมุนไพรที่สามารถพัฒนาต่อยอดได้ขึ้นมา 5 ชนิด คือ กวาวเครือขาว กระชายดำ ไพล บัวบก และลูกประคบ ซึ่งทั้ง 5 ตัวจะเจาะตลาดครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัย อย่างไรก็ตาม สมุนไพรทั้ง 5 ตัวก็ยังคงมีข้อจำกัดในการใช้ อย่างกวาวเครือขาวซึ่งช่วยให้หนุ่มสาวขึ้นนั้นและมีข้อกังวลว่าคนที่หนุ่มสาวอยู่แล้วจะกินเพื่อให้หนุ่มสาวขึ้นอีก ตรงนี้ก็ต้องมีการศึกษาค้นคว้าและพัฒนาต่อไปว่าแต่ละช่วงวัยควรรับประทานมากน้อยเท่าไร เพราะหากรับมากเกินไปก็จะส่งผลข้างเคียงต่อร่างกาย แต่ที่ดีและอยากจะพัฒนามาก คือ ใบบัวบก เนื่องจากมีผลการศึกษาพบว่าลดอาการแก้แพ้ต่างๆได้ ซึ่งจะดีในแง่ของการนำไปผสมในเครื่องสำอาง ซึ่งหากไทยสามารถผลิตเองก็จะเป็นการเพิ่มมูลค่าการตลาดเครื่องสำอางของไทย ลดการนำเข้าได้ เพราะปัจจุบันไทยกลับไปนำเข้าสารสกัดใบบัวบกจากต่างประเทศ ทั้งๆ ที่เป็นสมุนไพรที่ปลูกในไทย ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อนำมาพัฒนาในรูปของเครื่องสำอางของไทยเอง
ด้าน ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาล (รพ.) เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า ในงาน รพ.อภัยภูเบศรได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพตัวใหม่ คือ Day Cream SPF 30 เนื้อครีมบางเบาผลิตจากสมุนไพร “ไผ่ บัว ข้าว” โดยไผ่ มีสารซิลิกา (Silica) เพิ่มความแข็งแรงกับผิว ช่วยดูดซับความมันบนใบหน้า ข้าว เป็นน้ำมันข้าวออแกนิก มีวิตามินอี บำรุงผิว ให้ชุ่มชื้น บัว มีสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอริ้วรอย และมีฤทธิ์สมานผิว อีกทั้ง งานนี้ยังชูธีมสุขภาพลดปัญหาท้องอืดท้องเฟ้อ เนื่องจากปัจจุบันโดยเฉพาะคนทำงานในเมืองที่เร่งรีบ ประกอบกับอาหารการกิน การขับถ่ายไม่เป็นเวลา ส่งผลให้มีอาการท้องอืด ท้องผูก มีระบบทางเดินอาหาร
“ในงานยังแจกสมุนไพรฟรีวันละ 200 ต้น ได้แก่ ขมิ้นชัน ดีปลี เปล้าน้อย มะกา และตาไก้ โดยขมิ้นชัน มีฤทธิ์ย่อยอาหาร ต้านมะเร็งลำไส้ มีระบบย่อยไขมัน ดีปลี ช่วยย่อยอาหารเช่นกัน แต่มีฤทธิ์ย่อยโปรตีน มะกา ช่วยระบายของเสียในลำไส้ เปล้าน้อย รักษาแผลในกระเพาะ เพิ่มเยื่อบุกระเพาะอาหาร และตาไก้ มีฤทธิ์ช่วยลดการดูดซึมน้ำตาล ช่วยระบาย ปกป้องผนังลำไส้ เป็นต้น ทั้งนี้สามารถมารับสมุนไพรเหล่านี้ได้ในแต่ละวันของงาน” ภญ.สุภาภรณ์ กล่าวและว่า ทั้งนี้ ยังพบว่าผักดองซึ่งเป็นภูมิปัญญาของไทยก็ช่วยในเรื่องระบบย่อยอาหารได้เช่นกัน โดยที่ไม่ต้องพึ่งยา หรืออาหารเสริมใดๆ แค่ภูมิปัญญาไทย ครัวในบ้านนำมาใช้ก็มีประโยชน์แล้ว
ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 ก.ย.56