นายกำจร พลางกูร รองผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (TCELS) กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตน พร้อมด้วยผู้แทนจาก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้เข้าร่วมประชุม APEC Life Sciences Innovation Forum (LSIF) ครั้งที่ 11 ที่เมืองเมดาน ประเทศอินโดนีเซีย
โดยในปีนี้ที่ประชุม ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการแพทย์ทางเลือกโดยเน้นหนักเรื่องการพัฒนาสมุนไพรและการแพทย์แผนโบราณของแต่ละประเทศ ทั้งนี้เพราะในกลุ่มประเทศเอเปกนั้นล้วนแล้วแต่มีประชากรที่เติบโตมากับการรักษาด้วยวิธีการดังกล่าวมาอย่างยาวนาน ซึ่งการประชุมหนนี้ เห็นพ้องกันว่า ควรผลักดันให้มีการใช้สมุนไพรและแพทย์แผนโบราณในส่วนของการรักษาพยาบาลเบื้องต้น เพื่อให้ครอบคลุมประชากรที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาแบบแผนปัจจุบันทันด่วนได้
นายกำจร กล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทย ได้นำเสนอสถานการณ์สมุนไพรและการแพทย์แผนโบราณในประเทศต่อที่ประชุม โดยระบุว่า ประเทศไทยถือเป็นผู้นำในการพัฒนาเรื่องนี้ มาอย่างต่อเนื่องจนมีการผลักดันให้สมุนไพรเข้าไปอยู่ในบัญชียาหลัก รวมทั้งได้ส่งเสริมให้มีการแพทย์แผนไทยในโรงพยาบาลชุมชน ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมกลุ่มย่อย และมีความเห็นไปในทางเดียวกันว่าจะสนับสนุนการใช้สมุนไพรและการแพทย์แผนโบราณของแต่ละประเทศ ในกลุ่มเอเปก โดยจะมีการนำเสนอเข้าที่ประชุมใหญ่ กลางเดือนกันยายน ปีนี้
สำหรับการประชุม APEC LSIF นั้น TCELS ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประสานงานหลักมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2547 โดยในแต่ละปี จะมีการนำเสนอสถานการณ์สุขภาพของแต่ละประเทศ และหารือร่วมกันถึงแนวทางในการป้องกันและแก้ไขทั้งองคาพยพ
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจออนไลน์ 3 ส.ค.2556