สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ลากยาวมาถึง 6 เดือนเต็ม แต่พี่ไทยเราก็สามารถเต้นฟุตเวิร์คประคองตัวมาได้ ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศมาร่วมเดือนแล้ว และมีอัตราการตายแค่ 1.7 %เท่านั้น จนสามารถประกาศศักดา “ไทยชนะ” และได้รับคำชมจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ สหรัฐฯยกให้ไทยเป็นประเทศแชมป์อันดับหนึ่งของโลกที่ป้องกันโควิด-19 ได้สำเร็จ แต่ก็นั่นแหละถ้าเผลอประมาทการ์ดตกเมื่อไหร่ก็อาจจะแพ้น็อคได้ เพราะกราฟผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกยังทะยานขึ้นสูงเกิน 10 ล้านคนแล้ว และพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
ข่าวดีที่ทุกชีวิตทุกชาติรอคอยอย่างใจจดใจจ่อก็คือ เมื่อไหร่จะค้นพบวัคซีนหรือยาต้านเจ้าเชื้อซาร์ส โคโรน่าไวรัสตัวที่ 2 (SARS-CoV-2) นี้ได้เสียที ในขณะที่ต่างประเทศเขากำลังค้นหายาเคมี นักวิจัยไทยเท่ในศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้นหาตัวยาของมหาวิทยาลัยมหิดล ก็กลับไปค้นหาตัวยาจากภูมิปัญญาสมุนไพรไทย สมกับสโลแกนของสถาบันที่ว่าเป็นภูมิปัญญาแห่งแผ่นดิน (Wisdom of the Land) ที่ซุ่มเก็บข้อมูลสารสกัดสมุนไพรไว้ถึง 6,000 ชนิด แล้วคัดกรองขั้นแรกได้ 121ชนิด กระทั่งได้ 6 ชนิดและแคบลงเหลือ 3 ชนิดที่มีศักยภาพในการฆ่าเชื้อโควิด-19 ในหลอดทดลองได้เกลี้ยงร้อยเปอร์เซ็นต์ แน่นอนหนึ่งในจำนวนท็อปทรีนี้มีชื่อฟ้าทะลายโจรอยู่ด้วย แต่เนื่องจากกรมการแพทย์แผนไทยได้จองกฐินทำวิจัยการใช้ฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยโควิด-19อยู่แล้ว ทางมหาวิทยาลัยมหิดลจึงแยกเวทีคัดนางงามสมุนไพรรอบชิง ซึ่งอยู่ในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE) ทั้ง 2 ตัว ได้แก่ขิงและกระชายขาว และในที่สุดสมุนไพรตัวเต็งหนึ่งเดียวก็คือ “กระชายขาว”นั่นเอง ด้วยข้อดีที่ทิ้งห่างจากคู่แข่งขาดลอย เพราะกระชายขาวมีฤทธิ์ยาเหนือฟ้าทะลายโจรถึง 20 เท่า และเหนือกว่าขิงถึง 10 เท่า
สำหรับชาวแพทย์แผนไทยอาจจะถามว่า “กระชายขาว” ในงานวิจัยชิ้นนี้เป็นสมุนไพรตัวไหนกันแน่ ก็ฟันธงไปได้เลยว่า คือ กระชายเหลืองที่มีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Boesenbergia rotunda (L.) Mansf. ไม่ใช่กระชายแดง กระชายดำ การที่มหิดลค้นกระชายแกงจากก้นครัวมาทำยาต้านเชื้อโควิด-19 จึงเป็นทั้งภูมิปัญญาแผ่นดินที่ใกล้ตัวคนไทยที่สุดและเป็นยาดีมีประสิทธิภาพสูงสุด ในที่นี้ขอสรุปสั้นๆ ถึงกระบวนการวิจัยแบบบูรณาการของมหาวิทยาลัยมหิดลเรื่อง “ประสิทธิภาพของกระชายขาวต้านโควิด-19” ซึ่งเพิ่งแถลงสู่สาธารณะจนเป็นที่ฮือฮาเมื่อเร็วๆนี้
ต้องขอบอกตรงๆว่า นั่นเป็นการแถลงข่าวดีล่วงหน้าหนึ่งปี เพราะงานวิจัยที่เพิ่งสำเร็จไปนั้น เป็นขั้นการตรวจวิเคราะห์ในเชิงลึกถึงกลไกระดับเซลล์ในการใช้สารสกัดกระชายขาวฆ่าเชื้อโควิดในหลอดทดลอง แม้จะเป็นการทดลองขั้นต้นแต่ก็มีความสำคัญยิ่งยวดเพราะ เขาใช้เชื้อโควิด-19 จากผู้ป่วยจริงมาทำให้ติดเชื้อในเนื้อเยื่อต้นแบบ (Vero Cells) แล้วนำสารสกัดบริสุทธิ์ของกระชายขาวมาใส่ในหลอดทดลอง ผลที่น่าตื่นเต้นไม่ใช่เพียงเพราะว่า สารสกัดกระชายขาวสามารถฆ่าเชื้อโควิดได้ 100% เท่านั้น แต่ยังสามารถยับยั้งเซลล์ไม่ให้ผลิตโคโรน่าไวรัสตัวใหม่ได้อีกด้วย พูดได้ว่ากระชายขาวสามารถตอกฝาโลงให้โรคห่าโควิดในหลอดทดลองได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด และผลสำเร็จนี้ทำให้การทดลองกระชายขาวในสัตว์และในคน สามารถดำเนินไปต่อได้จนสามารถสร้าง “ผลิตภัณฑ์ยาแผนไทยรูปแบบทันสมัย” (Modernized Thai Traditional Medicine) ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้สำเร็จ คาดว่าต้องใช้เวลาอีก 1 ปีข้างหน้า
สารสกัดบริสุทธิ์ของอัศวินกระชายขาวที่ออกฤทธิ์ต้าน เชื้อโควิด-19 ได้อยู่หมัดมี 2 ตัวคือ 1)สารแพนดูราติน เอ (Panduratin A) 2)สารพิโนสโตรบิน (Pinostrobin) อันที่จริงสารฟลาโวนอยด์ทั้งสองตัวนี้ไม่ใช่ของใหม่แต่ค้นพบมานานแล้ว โดยเฉพาะสารพิโนสโตรบิน มีฤทธิ์ต้านเชื้อราแคนดิดา อัลบิแคน(Candida albican)ในช่องคลอดที่ทำให้เกิดโรคตกขาวในสตรี และยังมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียชนิดแกรมลบเช่น เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลริ (Helilobacter pylori) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ที่สำคัญคือช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง การสูบฉีดเลือดในหัวใจเป็นปกติ ซึ่งตรงกับคัมภีร์สรรพคุณยาแลมหาพิกัดของศาสตร์การแพทย์แผนไทยที่กล่าวไว้ตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้วว่า รสเผ็ดร้อนขมของกระชาย แก้โรคมุตกิด(ตกขาว)และแก้กองลมหทัยวาตะ มีตำรับยามากมายที่เข้ากระชายเพื่อแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ บำรุงกำลังวังชาได้ไม่แพ้โสมจีน และส่วนที่เป็นกระโปกกระชาย(หัวเหง้า) ยังช่วยชีวิตกระปู๋ของกระทาชายไม่ให้ตายด้านอีกด้วย(ฮา)
ก่อนหน้านี้นักวิจัยทางเภสัชของสหรัฐอเมริกาเคยพบว่า สารพิโนสโตรบิน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเอนไซม์ที่ช่วยกำจัดสารพิษในตับ ในขณะที่ญี่ปุ่นพบว่าสารชนิดนี้ช่วยแก้หลอดเลือดแข็งตัวและแก้โรคอัลไซเมอร์ ดังนั้นการค้นพบสรรพคุณใหม่ของคณะวิจัยทางการแพทย์เภสัชของมหิดล จึงเป็นการต่อยอดภูมิปัญญาสมุนไพรไทยที่มีความสำคัญในการกู้วิกฤติโควิด-19 ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของโลก อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ร้องเพลงรอยา กระชายขาวต้านโควิด-19 ของมหิดล คนไทยควรหันมากินอาหารเมนูกระชายซึ่งมีมากกว่า 500 เมนู ไม่ว่าจะเป็นเมนูอาหารไทยประเภทผัดฉ่า แกงเลียง แกงปลาดุกกระชาย ต้มส้มปลานิลกระชาย ขนมจีนน้ำยาใส่กระชายเยอะๆ ฯลฯ หรือเมนูประยุกต์อาหารฝรั่งอย่างสปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเลกระชาย เบคอนคลุกกระชายใบมะกรูด หรือจะแปลกเป็นอาหารทางเลือกคีโตงดแป้งอย่างขนมจีนเส้นบุกน้ำยากะทิปลาทูน่า เป็นต้น
ถึงบรรทัดนี้ คงมีคำถามว่า ถ้าจะกินกระชายสดเป็นยาสู้ภัยโควิด-19 ต้องใช้ขนาดเท่าไร คำตอบจากผู้วิจัยก็คือต้องกินกระชายสดครั้งละประมาณ 250 กรัม เลือกใช้กระชายแก่เพราะจะมีสารสำคัญมากกว่ากระชายอ่อนหลายเท่า กล่าวกันว่ากระชายดีต้องมาจากชุมพร นำกระชายมาล้างทำความสะอาดให้หมดจด ก่อนปั่นสดหรือหั่นเป็นแว่นกินดิบๆ ไม่ใช้ความร้อนเพราะอาจทำให้เสื่อมฤทธิ์ยา แต่จะให้ดีควรกินแบบโบราณคือใช้ส่วนที่เป็นกระโปกกระชายหรือนมกระชายก็ได้ ปั่นหรือตำแหลกละเอียด ไม่ต้องคั้นน้ำ แล้วนำมาผสมน้ำผึ้งกินก่อนอาหารเย็นครั้งละ 1 ถ้วยชา(ประมาณ 30 ซีซี) ช่วยให้สดชื่น บำรุงกำลังเป็นยาอายุวัฒนะเลิศรสเสมอด้วยโสมพันปีเลยทีเดียว