‘ฟ้าทะลายโจร’ คนแพ้ควรระวัง“

“ฟ้าทะลายโจร” สมุนไพรที่มีประวัติการใช้มาอย่างยาวนาน และเป็นสมุนไพรที่มีจำนวนการศึกษาวิจัยมากที่สุดชนิดหนึ่งในระดับนานาชาติ ประเทศที่มีการแพทย์ดั้งเดิมที่มีรากฐานมั่นคงอย่าง อินเดียและจีน ก็มีประวัติการใช้ฟ้าทะลายโจรมานับพันปี โดยจีนได้ค้นพบสารสำคัญในฟ้าทะลายโจรมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2436 วงการแพทย์จีนได้จัดฟ้าทะลายโจรเป็นยาตำราหลวงที่มีสรรพคุณเด่นมากตัวหนึ่ง สามารถใช้เป็นยาเดี่ยวได้ครอบคลุมหลายสรรพคุณ เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ หวัด ปวดท้อง ท้องเสีย

ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า การใช้ฟ้าทะลายโจรในประเทศไทยนั้น จำกัดอยู่ในหมู่หมอพื้นบ้านในบางพื้นที่ โดยมีการใช้ในสรรพคุณเดียวกันกับจีน และเริ่มมีการใช้อย่างแพร่หลายในสังคมไทยมากขึ้น เมื่อราวปี พ.ศ. 2528 ในเวลาต่อมาได้มีการศึกษาวิจัยการใช้ฟ้าทะลายโจรในการลดอาการเจ็บคอ ท้องเสีย ในระดับนานาชาติ ซึ่งการศึกษาวิจัยฟ้าทะลายโจรในคน นับว่าเป็นการวิจัยที่มีคุณภาพสูง หรือที่ในวงการแพทย์เรียกว่า เป็นการวิจัยแบบ randomized double-blind, placebo controlled study
จากการวิจัยดังกล่าวพบว่า ฟ้าทะลายโจรสามารถลดอาการปวดหัว อ่อนเพลีย ครั่นเนื้อครั่นตัว นอนไม่หลับ เจ็บคอ น้ำมูกไหล อาการไอ จาม และทำให้หายจากหวัดได้เร็วขึ้น ลดระยะเวลาการขาดงาน โดยมีกลไกการออกฤทธิ์ที่สำคัญ คือ การเพิ่มภูมิคุ้มกัน การลดการอักเสบ ทำให้ไวรัสเข้าเซลล์ได้ลดลง ฟ้าทะลายโจรจึงเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ในการบรรเทาหวัดมาก เนื่องจากหวัดเป็นโรคที่ไม่มียาแผนปัจจุบันรักษา ต้องพึ่งภูมิคุ้มกันในตัวคน“

นอกจากนี้ การศึกษาวิจัยทางเภสัชวิทยายังพบว่า ฟ้าทะลายโจร มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันตับ ป้องกันหัวใจ ต้านมะเร็ง ดังนั้น ฟ้าทะลายโจรยังมีแนวโน้มที่ดีในการพัฒนาเป็นยาต้านมะเร็งที่กำลังเป็นสาธารณสุขที่สำคัญของโลก

ฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่มีความปลอดภัยสูง มีการศึกษาทางด้านพิษวิทยาทั้งระยะเฉียบพลัน พิษกึ่งเรื้อรัง และพิษเรื้อรัง พบว่า มีความปลอดภัย จึงอนุญาตให้มีการวิจัยในมนุษย์ได้ และอนุญาตให้มีการวิจัยในเด็กอายุระหว่าง 4-11 ปีอีกด้วย นอกจากนี้ ฟ้าทะลายโจรยังเป็นสมุนไพรที่องค์การอนามัยโลกให้การยอมรับ และได้มีผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรจำหน่ายในยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์สุขภาพในการป้องกัน และรักษาหวัด

ประเทศไทยได้บรรจุให้ฟ้าทะลายโจรให้อยู่ในบัญชียาหลักตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 ขนาดที่แนะนำให้รับประทาน คือ วันละ 3-6 กรัม แบ่งให้วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน เพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ และรับประทานวันละ 1.5-3 กรัม แบ่งให้วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน เพื่อบรรเทาอาการหวัด

แม้ฟ้าทะลายโจรจะมีความปลอดภัยสูงในขนาดที่แนะนำให้ใช้ แต่ก็ห้ามใช้ในคนท้อง เนื่องจากมีการทดลองในกระต่ายพบว่า ทำให้ตัวอ่อนผิดรูป และห้ามใช้ในคนที่แพ้สมุนไพรในตระกูล Acanthaceae ซึ่งการแพ้นี้พบชนิดที่มีการแพ้ที่รุนแรงแบบ Anaphylaxis ด้วย (จากรายงานของคณะกรรมการอาหารและยา การแพ้ฟ้าทะลายโจร พ.ศ. 2556 พบ 4 ราย พ.ศ. 2557 ไม่มีรายงาน พ.ศ. 2558 พบ 2 ราย ทั้งนี้ไม่มีข้อมูลว่ากี่รายเป็นการแพ้แบบรุนแรง)

การแพ้แบบรุนแรงดังกล่าวแม้จะพบได้น้อยก็ตาม แต่ก็สามารถเกิดได้ทั้งจากยา วัคซีน และสารเคมี เช่น ยาในกลุ่มเพนนิซิลิน จากอาหารจำพวกไข่ นม แป้งสาลี นมถั่วเหลือง อาหารทะเล เป็นต้น หรืออาจเกิดจากพิษของแมลงสัตว์กัดต่อยก็ได้เช่นกัน ซึ่งคนที่แพ้สิ่งใดจึงควรระวังหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น หรือเมื่อรับประทานแล้วมีอาการผื่นแพ้ ปากบวม ตาบวม หายใจติดขัด ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที “การติดคำเตือนว่าผลิตภัณฑ์นั้นทำให้แพ้แบบรุนแรงได้นั้น จึงเป็นสิ่งที่ดี และควรทำในทุกผลิตภัณฑ์ ทั้งยาแผนปัจจุบัน ยาจากสมุนไพร อาหารสำเร็จรูปต่างๆ ไม่ใช่เฉพาะฟ้าทะลายโจรเพียงอย่างเดียว เพราะจะทำให้ประเทศชาติเสียโอกาสใช้สมุนไพรที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง ที่สามารถปลูกเองใช้เองได้ มีความปลอดภัยสูง มีงานวิจัยรองรับ และสามารถเป็นที่พึ่งด้านสุขภาพให้กับประชาชนและประเทศ ในยามที่ประเทศกำลังถกเถียงเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพของคนในประเทศ” ภญ.ดร.สุภาภรณ์ กล่าว.“

ที่มา : นสพ.เดลินิวส์ออนไลน์ 14 ก.พ.2558 http://www.dailynews.co.th/article/379405

บทความที่เกี่ยวข้อง

https://www.thefest.com/Images/acetoto888/ https://www.thefest.com/Images/acegaming888/ https://www.thefest.com/Images/plazaslot/
slot thailand